0011 : [Day 2] Hokkaido Road Trip [4 Oct 2013] [Sapporo-Otaru]

Fri 1/11/13 at 17:45 2 comments

หลังจากได้นอนพักเต็มอิ่ม 1 คืน นิแหละคือข้อดีของการไปเที่ยวเองคือ ไม่ต้อง [6-7-8] morning call-breakfast-go ตามไกด์สั่ง อยู่จนกว่าจะถึงเวลาเช็คเอ้าท์ของโรงแรมก็ได้ ที่เมืองไทยนิยมเที่ยง ที่ญี่ปุ่น 10โมงนะครับ เที่ยวกันแบบช้าๆกินกันแบบเนิบๆไม่ต้องอัดไม่ต้องเร่ง แต่ข้อเสียคือผมก็พลาดไปหลายที่เหมือนกันในซัปโปโร ไม่ว่าจะเป็นโรงงานช็อคโกแลต หอนาฬิกา สวนโอโดริ ได้แค่ขับรถผ่านเอง ผมรีวิวสไตล์familyบ้านๆ นะครับ เอารูปจากที่ถ่ายอัพอินสตาแกรมมาลงเกือบหมดแล้วเล่าเรื่องตามรูปที่ถ่ายล่ะกัน ก็จะเห็นรูปลูกๆเมียผมเยอะหน่อย ฮาา

เพิ่มพลัง ^^ (at ホテル クラビー サッポロ (Hotel Clubby Sapporo))

ตื่นมาก็สายจะไปหามื้อเช้าที่อื่นก็เกรงจะหิวมาก ร้านหลายๆที่ก็ยังไม่เปิดร้าน การกินที่โรงแรมก็นับว่าเป็นทางเลือกที่ดีนะครับ ถ้าไม่เบื่ออาหารซ้ำๆเดิมเสียก่อน มื้อเช้าชาวญี่ปุ่นนิยมกินนัตโตะ บางคนเรียกถั่วเน่า จริงๆ เรียกถั่วหมักน่าจะดีกว่า น่ากินกว่า นัตโตะนี่ดีนะครับมีจุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย เหมือนในโยเกิร์ตแต่คนละชนิดกัน ก่อนกินเค้าจะเอามาใส่โซยุใส่มัสตาดหน่อยแล้วก็คนๆๆเป็นใยแมงมุม แล้วก็มีไข่ไก่บางทีก็เป็นไข่ไก่สดๆ บางทีก็เป็นไข่ลวกบางคนเรียกไข่ออนเซ็น ส่วนตัวผมชอบมากครับ แต่คนไทยหลายคนน่าจะไม่ชอบรสชาตินัตโตะ

เช้าๆหิวๆกินที่โรงแรมเบยสบายสุด ^^ (at ホテル クラビー サッポロ (Hotel Clubby Sapporo))

นอกจากนัตโตะก็มีไส้กรอกหมูแฮมออมเลตตามสไตล์อาหารเช้าตามโรงแรมทั่วไป แต่ที่ไม่เห็นในเมืองไทยคือ ข้าว เขาจะมี2-3แบบ คือข้าวสวยแบบเดียวกันนี่ แต่มาจากคนล่ะฟาร์มคนล่ะถิ่นเพาะปลูก ผัก นม ก็เช่นกัน มีรูปเกษตรกรเจ้าของฟาร์มให้ดูด้วย ผมไปญี่ปุ่นก่อนหน้านี้เมื่อ10ปีก่อนก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน

ม้าเปิ้ลกะภีมะ (at ホテル クラビー サッポロ (Hotel Clubby Sapporo))

มีเรื่องเล่าตอนกินมื้อเช้าเจ้าลูกผมจะชอบดูการ์ตูนผ่านไอโฟนไปด้วยแล้วก็เปิดเสียงดัง ถ้าเป็นเมืองไทยพนักงานก็คงปล่อยเลยตามเลย แต่ที่ญี่ปุ่น เราทำอะไรผิดหรือรบกวนแขกอื่นเขาจะรีบเข้ามาบอกเลยครับ แต่พูดแบบนิ่มนวลมาก ที่เมืองไทยไม่ว่าอาจเพราะเกรงว่าจะโดนพ่อแม่เด็กคนนั้นด่ากลับก็เป็นได้นะครับอำมาตย์เยอะอยู่ หรือ ยึดถือธรรมเนียมลูกค้าคือบร๊ะจ้าว ไรงี้ ผมอยู่ญี่ปุ่นโดนเค้าว่าหลายเรื่องโดนเกือบทุกวัน นี่ขนาดผมเป็นคนระวังตัวมากคิดว่าตัวเองมีวินัยแล้ว จริงๆ อ่อนมากครับ เมื่อเทียบกับชาวญี่ปุ่น

กินข้าวเก็บกระเป๋าสัมภาระเสร็จสรรพก็เตรียมออกเที่ยวซัปโปโรกันเลย ก่อนจะเดินทางไปเมืองโอตารุต่อ

at ローソン 札幌北1条東一丁目店

ขับผ่านหอคอย Sapporo TV อยู่ติดกับ สวนโอโดริ ไม่ได้ลงครับ พยายามหาที่จอดรถแล้วหาไม่เจอ ลูกก็หลับด้วย

น็อค (at さっぽろテレビ塔)

ปกติอยู่เมืองไทยไม่ได้นั่ง car seat ตั้งแต่ยังไม่ครบขวบเลยครับ ไม่ยอมท่าเดียว พอมาญี่ปุ่นกฏจราจรเค้าเลยคือ เด็กต้องนั่ง child seat พูดบอกก่อนมาเป็นเดือน ก็คิดว่าโอเคแล้ว พอมา 2-3วันแรก ร้องตลอด แต่ก็ทำใจแข็งไว้ ร้องจนเหนื่อยหลับไปเฉยเบย ช่วงเช้าในตัวเมืองรถติดนิดหน่อย แต่ก็ไหลไปได้เรื่อย บางช่วงก็ไม่ติด ที่ว่าติดก็ไม่ใช่แบบเมืองกรุงบ้านเรานะครับ จุดหมายจะไปคือ มหาวิทยาลัยฮอกไกโด เค้าว่าสวย ผมก็ งงๆ มาเที่ยวทำไมต้องไปเที่ยวกันในมหาลัยมันจะมีอะไรให้ดูเหรอ มีแล้วมันจะดีเหรอ คาใจอยู่เหมือนกันก่อนมา

เหมือนเปิดแอร์เลยปะป๊าา (at 北海道大学)

ถึงตรงนี้ก็มีเรื่องเล่าอีก คือเราเอาบรรทัดฐานประเทศกรุงเทพเรามาใช้ไม่ได้เลย ไปเที่ยวในมหาลัยเห็นรถในนั้นน้อยมาก ผมก็ขับเข้าไปเลย กะไปหาที่จอดหลบริมฟุตบาทข้างในแล้วเดินเที่ยว พอไปถึงยามบอกไม่ให้เข้าให้ไปติดต่อ Info. center ของเขาก่อน แล้วให้จอดในที่ชั่วคราว ผมก็ไปถามที่info centerเค้าให้ไปหาที่จอดข้างนอกมหาลัยแล้วเดินมา โอ้วว เซ็งๆหน่อย เดินกลับมาที่รถ เจอลุงยามอีกคนเหมือนเป็นหัวหน้าส่งภาษาญี่ปุ่นฉอดๆๆใส่เรา คาดว่า จะด่าอะไรนิแหละ แข็งใจพูดไปว่า we’re from thailand. ไม่คาดว่าเขาจะฟังภาษาอังกฤษรู้เรื่องจากประสบการณ์ไม่ค่อยพูดอังกฤษกับเราหรอก แกก็พูดภาษาอังกฤษกับเราเฉย เปลี่ยนสีหน้าไปเลย ถามว่าจะเที่ยวในนี้จอดนานไหม ถ้าไม่นานจอดตรงนี้ก็ได้เลยนะ ใจดีมาก คงเห็นมีเด็กด้วย โชคดีเลย ก็จอดแล้วลงเดินเที่ยวเลย ผมplanมาแค่ว่าในนี้มีถนนต้นแปะก้วยที่สวยงาม แค่นั้นเองอย่างอื่นไม่ได้หาเลยก็กะเดินๆเที่ยวเรื่อยๆ

กาตัวเบิ้มเบย (at 北海道大学)

เดินๆไปเจออีกา อีกาที่นั่นตัวใหญ่เบิ้มมาก แล้วก็ไม่ค่อยจะกลัวคนเลย ลูกๆผมชอบสัตว์อยู่แล้วชอบกันใหญ่ ก็ต้องคอยเตือนว่าอย่าไปใกล้มากเราเด๋วมันโกรธโดนจิกจะแย่เอา เดินๆไปก็คอยดู แผ่นพับที่ได้จาก info center ไปด้วย

Furukawa Hall (at 北海道大学)

ตรงนี้เรียก Furakawa Hall ไม่รู้หรอกอะไร แต่สถาปัตยกรรมสวยดีครับ ในมหาลัยฮอกไกโดก็จะมีสวนหย่อมย่อยๆเยอะเหมือนกัน มีคนหนุ่มสาวคนสูงอายุมานั่งวาดรูปกันเยอะพอควรเลย ส่วนลูกๆผมก็จับเป็ดกัน ผมก็จับลูกๆอีกที 555

ดูเป็ด (at 北海道大学)

 

เจ้าภีม : ภูมิจับเป็ดกัน -.,- (at 北海道大学)

มีที่ให้ชมที่ให้นั่งเล่นที่ถ่ายรูปหลายมุมครับ มุมไหนก็สวย อากาศตอนไปก็กำลังเย็นสบายเลย ไม่เกิน 20 องศา

เจ้าตัวเล็กถ่ายให้.. #แนวเชียว -.- (at 北海道大学)

 

เจ้าตัวเล็กถ่ายให้ 😉 (at 北海道大学)

เดินได้สักพักใหญ่ๆ ก็หิวล่ะสิครับ เอาไงดี พอดีไปเจอโรงอาหารกะร้านขนมปังเข้า เปิ้ลภรรยาผมก็ซื้อขนมปังให้ลูกๆแก้หิว กดตู้น้ำมาดื่มกัน

เดินไปเดินมาหิว.. (at 北海道大学)

ชิม (at 北海道大学)

เดินจนถึงถนนแปะก้วย ยังไม่ถึงหน้าที่มันจะสวย ใบยังไม่เปลี่ยนสีเลย ตามรูป เป็นอันว่าพลาด ฮ่าๆๆ แต่ดันพลาดมากคือ เดินผ่านตรงที่แสดงเกี่ยวกับไดโนเสาร์แต่คิดไปเองว่ามันคงไม่มีอะไร พอเดินกลับมา info. center อีกทีตอนจะกลับมาเข้าห้องน้ำ เค้าเปิดทีวีให้ชมว่าตรงไดโนเสาร์มีอะไรพอดี เจ้าลูกๆผมตาโตอยากดูเลย แต่ไม่มีเวลาแล้วเดินแค่นี้ก็เมื่อยแล้ว ก็ อดครับ เสียดายเหมือนกัน

gingko avenue

ตอนจะขึ้นรถต้องแอบๆหลบๆกลัวเจอลุงยามเพราะกลัวแกจะดุเอาว่าให้จอมแป๊ปเดียวพวกเราไปกันนานพอควรเลย ปรากฏว่าแกเหมือนรอพวกเราอยู่พอดี >< แต่แกไม่ว่าอะไรเลย แถมยังถามว่าเราจะไปไหนกันต่อบอกทางอีกตั้งหาก โอ้ว ผิดคาดมากๆ ชีวิตเรานี่ชอบคาดการณ์ชอบคิดกันไปเองจริงๆนะครับ หลายๆอย่างก็ไม่ได้เป็นแบบที่เราคิดสักหน่อย เราออกจากมหาลัยฮอกไกโด ก็หิวแระเพราะขนมปังไม่อยู่ท้อง ก็กะไปหาอะไรกินที่สถานีซัปโปโร จอดรถที่ไดมารู อ่ะครับ เจอที่จอดรถในห้างก็งงๆเหมือนกัน แต่ก็ผ่านไปด้วยดี เดินไปเจอ ร้าน Lawson สาขาเยอะมากในญี่ปุ่น สิ่งที่เจ้าภูมิ เจ้าภีม ชอบมากกินกันตลอดทริปนี้คือ ข้าวปั้นไข่ปลาแซลมอน

ข้าวปั้นไข่ปลาแซลมอน ^^ (at 札幌駅 (Sapporo Sta.))

กินกันคนล่ะอันแล้วเดินหาร้านอาหารต่อ เยอะแต่ไม่รู้จะเข้าร้านไหนดี ก็สุ่มเอาล่ะกัน หิวแล้ว จำชื่อไม่ได้ เป็นสาขาของ Donburi รึเปล่าไม่แน่ใจนะครับ

Salmon Don ^^ (at 札幌駅 (Sapporo Sta.))

เนื้อย่าง ^^ (at 札幌駅 (Sapporo Sta.))

 

ของโปรด! (at 札幌駅 (Sapporo Sta.))

กินกันอิ่มแล้วก็เดินเล่นในสถานีซัปโปโรกะไดมารูนี่แหละ แถวนี้มันเชื่อมกันหมด ร้าน bic camera อันโด่งดังด้วย แต่น่าเสียดายว่า Apple Store อยู่ไกลเกินกว่าจะเดินไปจะนั่งรถเมล์ไปก็ไม่ได้เตรียมแผนมา ก็ไม่ได้ไป เดินแถวนี้นิแหละ ไปที่บิ๊กคาเมร่าก็มี iPhone 5s ให้ชมเหมือนกัน แล้วก็ซื้อไม่ได้เหมือนกัน เพราะที่ญี่ปุ่นติดล็อค ได้เจอแล้วตัวเป็นๆ 5s ก็ไม่ต่างกับ 5 หรอก เพราะขนาดเท่ากัน อิอิ

orz iPhone 5S (at ビックカメラ 札幌店)

ทดสอบความแรง 5s 5c ^^ (at ビックカメラ 札幌店)

เจ้า2แสบผมเห็นเป็นไม่ได้ หาเกมเล่นได้ตลอด ก็ดีผมก็มีโอกาสเดินสำรวจใน bic camera ว่าเค้าขายอะไรบ้าง

ภูมิๆเดินไม่ไหว อดไป Apple Store ซื้อที่นี่ก็ได้วะ T T (at ビックカメラ 札幌店)

กะไปซื้อ เคส 5s ที่ Apple Store ก็ไม่ได้ไปก็ซื้อที่นี่เอาก็ได้ เหลือ สีเดียว สีฟ้า ไม่มีสีอื่น ถูกกว่าไทย 200บาทได้ เจ้าภูมิเริ่มงอแงเดินไม่ไหว ง่วงนอนแล้ว ก็ถึงเวลาที่จะต้องลาจากซัปโปโรเดินทางต่ออีกประมาณ 40กม. ได้ ไม่ไกลมาก ก็จะถึงเมืองโอตารุ

going to otaru (at 丸亀製麺 札幌新川店)

ทริปนี้ระหว่างเมืองผม ถ้ามีทางด่วนผมจะใช้ตลอด ค่าทางด่วนแพงกว่าเมืองไทยมาก ผมว่ามีบางคนคิดประหยัดไปทางธรรมดาก็ได้ไรงี้ บอกเลยครับ เสียเวลาเที่ยวครับ ไปทางธรรมดาอาจต้องใช้เวลาอีกเท่าตัว กลายเป็นเสียน้อยเสียยากเสียมากเสียง่าย ไปเที่ยวนอกประเทศเวลาเป็นเงินเป็นทองครับ อ้าว ตอนต้นบอกตื่นสายไม่เสียเวลาเหรอ เวลานอนนะครับ เวลาพักผ่อน จำเป็นกว่ามานั่งรถนานๆ อิอิ

แวะเข้าห้องน้ำแป๊ป (at 金山PA (上り/小樽方面))

รูปรถเต็มๆของทริปนี้ ตอนนี้แวะPA (Parking Area) ถ้าเป็นเมืองไทยก็แบบที่มอเตอร์เวย์ แต่ที่ญี่ปุ่นมีทุก 30กิโลเมตรเลยครับ มีห้องน้ำมาตรฐาน ตู้กดน้ำ บางที่ใหญ่ๆ ก็มีร้านอาหาร ร้านขายของด้วย เมืองไทยคงต้องเพิ่งปั๊มปตท ปั๊มเจ็ท เป็นPAกันต่อไป

ชิม ^^ (at 金山PA (上り/小樽方面))

ง่วงๆก็กดกาแฟกระป๋องมาดื่มชิมด้วยแหละ เออ อันนี้ไม่มีน้ำตาลเบย ไม่อร่อยสิ คือปกติผมก็ดืมกาแฟดำนะ แต่ร้อนๆ พอเป็นกาแฟเย็นไม่ใส่น้ำตาล ไม่อร่อยอ่ะ UCC แท้ๆ

at 朝里駅 (Asari Sta.) (S12)

อุโมงค์ประเทศเค้าเยอะมากครับ ยาวบางสั้นบาง ยาวๆ นิหลายกิโลก็มี เค้าจะไม่ใช้วิธีตัวถนนข้ามเขาแบบประเทศเรา เขาใช้วิธีเจาะทะลุไปเลย แน่ล่ะ เทคโนโลยี งบประมาณ และหัวคิดต่างกัน แต่ถ้าประเทศเรามีอุโมงค์แบบเค้าแล้วขับรถสไตล์ประเทศเราเชื่อว่าชนกันฉิบหายหมดครับ ตอนขับเข้าอุโมงค์แรกๆแอบเก็งๆเหมือนกันนะครับ ขับช้าเลยกลัว

at ウイングベイ小樽

ไม่นานก็ถึงโอตารุ วันแรกๆเอาขับออกเมืองใกล้ๆก่อนให้รถคุ้นมือ อันนี้คิดไว้แบบนั้นครับ ถึงเมืองขับเข้าเช็คอินที่โรงแรมก่อนเลยครับ โรงแรมนี้เก่าๆหน่อยเล็กๆ แต่ใกล้คลองโอตารุที่เลื่องลือ

ถึงที่พักแบ้วแจ้ ^^ (at ホテルソニア (HOTEL SONIA))

จริงๆอยากพักโรงแรมอื่นเหมือนกันครับ มีเรียวกังใกล้ๆกัน ดีด้วย best in town เลย แต่เนื่องจากเป็นวันศุกร์ ตอนผมจองโรงแรมส่วนใหญ่จะราคาสูงกว่าปกติ เกินงบ ฮ่าๆๆ ก็เอาที่นี่แหละครับ นอนคืนเดียว ก็ที่เดียวทุกคืนอ่ะนะ

มองออกไปเปนคลองโอตารุ ^^ (at ホテルソニア (HOTEL SONIA))

เก็บสัมภาระนั่งพักนอนเล่นคลายเหนื่อยแล้วก็ลุยเที่ยวต่อเลยล่ะกันครับ โรงแรมอยู่ไม่ใกล้จากบริเวณที่เที่ยวคือเป็นย่านร้านค้าใกล้ๆเลยไม่ต้องขับรถไปจอดรถไว้ที่โรงแรมเลยแล้วเดินเอา

alien (at 小樽運河クルーズ)

ตรงนี้เป็นเหมือนให้ดูพวกเอเลี่ยนการ์ตูน มีทัวร์มาลงเหมือนกัน แต่ไม่ได้เข้าไปดู

คลองสะอาดจนเลี้ยงเป็ดตามธรรมชาติได้ (at 浅草橋)

คลองบ้านเมืองเค้าเป็นน้ำใสๆประมาณนี้หมด ตรงนี้มีเป็ดด้วยครับ เจ้าภีมเจ้าภูมิชอบมาก เดินตรงไปก็ย่านร้านค้าแล้วครับ

นั่งรอม้าเปิ้ล ^^ (at 大正硝子館 本店)

ประมาณห้าโมงเย็นก็มืดแล้วครับ ไปช่วงฤดูใบไม้ร่วงพอดี ผมก็ลืมคิดไปว่ามันจะมืดขนาดไหน รู้แต่ว่ามืดเร็วไม่คิดว่ามันจะเร็วมาก เดินไม่เท่าไหร่ร้านก็ปิดๆกันแล้วครับ นักท่องเที่ยวก็น้อย ร้านอาหารก็ปิดเร็วนะครับ ไม่ได้เปิดดึกดื่น เดินกันจะร้านปิดหมด ยังไม่รู้ว่าจะกินอะไร บังเอิญไปเจอร้านสเต็ค ร้านนี้เปิดดึกเลย

เอาสเต็คมาแลกก็ยอม ^^ (at Victoria Station Restaurant)

เป็นคล้ายๆร้าน fast food แต่มีคนเสิร์ฟให้ ราคาประหยัด แต่ สเต็คเนื้อดีกว่าบ้านเรามากมาย คือราคานี้คุณภาพแบบนี้บ้านเราก็หาไม่ได้อ่ะครับ นี่ขนาดสเต็คบ้านๆของเค้า หินสีดำที่วางมานั่นคือ หินร้อน ใครต้องการสุกมากหน่อยก็หั่นไปจิ้มหินนี่ก็จะมีเสียงฉู่ฉี่ๆเพราะหินมันร้อนมากร้อนนาน ทำให้สุกมากขึ้นนั่นเอง

อาซาฮีสด.. (at Victoria Station Restaurant)

กินสเต็คก็พลาดไม่ได้ครับ ต้องมีเบียร์ประกอบ เล่าไว้หน่อยกันตัวเองลืม ตอนเดินเข้าร้าน มีบันไดเจ้าลูกคนโตผม เจ้าภีมมัวแต่พูดฝอยอะไรไปเรื่อย หกคะล้มปากแตกนึกว่าต้องมาเข้าโรงพยาบาลที่ญี่ปุ่นซะแล้ว ดีกว่า ฟันไม่เป็นไรมาก ร้องไห้จ๊ากตามระเบียบ

เดินกลับ ^^ (at 回転寿司 和楽)

อิ่มแล้วก็เดินกลับ วันนี้เดินทั้งวันเมื่อยมาก แต่มาเที่ยวไม่เดินเที่ยวก็ไม่มาดีกว่า เมืองเค้าแค่หัวค่ำก็เงียบมากแล้ว

ภีมะกะม้าเปิ้ล ^^ (at 大正硝子館 本店)

ตรงนี้เป็นร้านขายเครื่องแก้วปลูกไม้เลื้อยสวยมาก แต่ตอนนี้ดึกแล้วถ่ายไม่เห็นไว้ถ่ายใหม่พรุ่งนี้

สวยดี ^^ (at 小樽運河 Otaru Canal)

และแล้วก็มาถึงคลองโอตารุ จริงๆ อยู่หน้าโรงแรมแต่ไปเดินที่อื่นก่อน เห็นในภาพก่อนมาเฮ้ยย สวย ต้องไปให้ได้ตรงนี้ๆ มาจริงๆ so-so นะฮะ แต่ถ้าเป็นช่วงหน้าหิมะตกจะสวยกว่านี้ กลางคืนจะเปิดไฟอลังเลย จากที่เคยดูในรูป

คนญี่ปุ่นใจดีอยากถ่ายให้ ^^ #มุมมหาชน #คลองโอตารุ (at 小樽運河 Otaru Canal)

ตอนเดินมาตรงนี้ เจอหญิงชรานั่งรถเข็นกะชายกลางคน น่าจะเป็นลูกเค้า เห็นครอบครัวเรากำลังถ่ายรูป ก็อาสาเองเลย ไม่ได้รีเควส บอกว่าจะถ่ายรูปให้ ใจดีมาก ถ่ายเสร็จหญิงชราหน้ายิ้มมีความสุข เราก็มีความสุขไปด้วย ชาวคณะทัวร์คุณบอยเดินเล่นข้างคลองจนไปถึงโรงแรมก็เข้าห้องนอนพักผ่อนเอาแรงไว้ลุยวันต่อไป ส่วนวันนี้ขอจบเพียงเท่านี้

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

Advertisement

Entry filed under: Uncategorized.

0010 : [Day 1] Hokkaido Road Trip [2-3 Oct 2013] 0012 : [Day 3] Hokkaido Road Trip [5 Oct 2013] [Otaru-Lake Toya]

2 Comments Add your own

  • 1. Bo  |  Mon 6/7/15 at 0:56

    รบกวนสอบถามหน่อยค่ะ พอดีกำลังหาที่พักใน Otaru เห็นเขียนว่า “จริงๆอยากพักโรงแรมอื่นเหมือนกันครับ มีเรียวกังใกล้ๆกัน ดีด้วย best in town” ไม่ทราบว่าชื่ออะไรหรอคะ แล้ว Hotel Sonia ดีไหมคะ ขอบคุณมากค่ะ

    Reply

Leave a Reply

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  Change )

Twitter picture

You are commenting using your Twitter account. Log Out /  Change )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  Change )

Connecting to %s

Trackback this post  |  Subscribe to the comments via RSS Feed



%d bloggers like this: